นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

ย่าติง แชงกรีลา ลี่เจียง 12-21 ตุลาคม 2554



17 ตุลาคม 2554


วันนี้สบาย ๆ ตื่นสายตะวันโด่งตั้งแปดโมง อาหารเช้าของเราก็ไม่ต้องไปกินที่ไหน นั่งซัดบะหมี่และขนมที่เหลือจากเที่ยวย่าติงนี่แหละ ต้องสะสางให้หมด ไม่อยากหอบกลับเมืองไทย กินเสร็จก็นั่ง ๆ นอน ๆ เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวโรงแรมนี้เอง วันนี้เราไม่ได้ไปไหน อยู่ในเต้าเฉิงตลอด

พอใกล้เที่ยงเราออกไปเดินเที่ยวในเต้าเฉิงหน่อย เต้าเฉิงมีฐานะเป็นเซี่ยน หรืออำเภอ แต่ตัวเมืองเล็กนิดเดียว มีถนนหลักสองเส้น มีสี่แยกใหญ่แค่แยกเดียวเท่านั้น เดินแป๊บเดียวก็ทั่วเมืองแล้ว







นักเรียนออกมาพักเที่ยงพอดี โรงเรียนในจีนจะปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านไปกินข้าวกลางวันและนอนกลางวันหลังอาหาร แล้วค่อยกลับไปเรียนต่อ






เราเดินเล่นไม่นานนัก ไม่กินข้าวกลางวันเพราะไม่หิว คงเป็นเพราะเมื่อเช้าไม่ได้ไปไหน แวะซื้อผลไม้และขนมกลับไปกินเล่นที่โรงแรมด้วย

ช่วงบ่ายเราอยู่แถวโรงแรมอีกครั้ง นอนเล่นหน้าล็อบบี้ เข้าเน็ตเช็คเว็บบอร์ด อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อย รอให้ถึงเย็นแล้วค่อยออกไปอีกที





แผนที่เส้นทางระหว่างแชงกรีลา ย่าติง หลูกูหู ถ่ายก๊อปปี้จากหนังสือที่โรงแรม









ถึงบ่ายแก่ ๆ ใกล้จะเย็น ก็ได้เวลาสลัดตัวขี้เกียจออกสักหน่อย เดินออกไปเช่าจักรยานขี่เที่ยวชานเมืองกัน ค่าเช่าคันละ 10 หยวน ขี่ได้ทั้งวัน



















































เส้นทางชานเมืองเต้าเฉิงสวยงามมาก มีมุมให้ถ่ายรูปตลอด น่าเสียดายที่เราออกมาเย็นเกินไป ทั้ง ๆ ที่ยังมีอะไรให้ดูอีกมากแต่ก็ต้องกลับเมืองก่อนที่จะค่ำมืดไปเสีย

แวะซื้อผลไม้อีกแล้ว ผลไม้เมืองจีนราคาถูก รูปร่างไม่สวย แต่รสชาติดี ซื้อไว้ไม่เสียหลาย


ค่ำวันนี้ไฟดับในหลายส่วนของเมือง เราจึงได้กินมื้อเย็นท่ามกลางแสงเทียน มองไปทางห้องครัวก็เห็นคนครัวจุดเทียนหั่นผัก กุ๊กเอกคาบไฟฉายผัดกับข้าว ใจสู้จริง ๆ เด็กเสิร์ฟบอกว่าที่นี่ไฟดับบ่อยมาก



มื้อนี้อร่อยมาก ไม่รู้เพราะไฟดับหรือเปล่า


ที่โรงแรมก็ไฟดับเหมือนกัน เราจึงต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าท่ามกลางแสงเทียน ลำบากไม่ใช่เล่น พอแพ็กของเสร็จ ไฟก็มาพอดี แต่ก็มาไม่นานนัก แค่พอได้ตรวจตราว่าไม่ได้ลืมอะไรเท่านั้น แล้วก็ดับอีก

เนื่องจากไฟดับ ไม่มีอะไรทำ คนอื่นจึงเข้านอนกันเร็วตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่ม แต่ผมนอนไม่ลงหรอก เพราะคืนนี้ฟ้าใส ดาวสวยมาก ยิ่งเมืองนี้เป็นเมืองเล็ก แสงรบกวนน้อย แถมพื้นที่หลายส่วนตอนนี้ยังไฟดับเสียอีก จึงเป็นโอกาสวิเศษที่จะออกมานอนดูดาว

ผมลากเก้าอี้พับหน้าล็อบบี้มากางนอนดูดาวที่ลานกลางโรงแรมเลย จะว่าไป นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมได้มามานอนดูดาวจริง ๆ แบบนี้ ทั้งที่ทำงานอยู่กับมันทุกวัน แต่เรื่องดูดาวภาคสนามนั้นห่างเหินมานานแล้ว กลุ่มดงกลุ่มดาวอะไรก็ลืมไปเสียส่วนใหญ่ อากาศที่หนาวเย็น ลมเอื่อย ๆ กับท้องฟ้าสีดำประดับดาวสร้างบรรยากาศที่แสนคิดถึงกลับมาอีกครั้ง ความจำที่เริ่มเลอะเลือนของผมค่อย ๆ กลับมา นั่นไง กลุ่มดาวหงส์ หันหน้าเข้าหากลุ่มดาวนกอินทรีย์ มีกลุ่มดาวลูกศรพุ่งเฉียดหน้าไป นั่นก็โลมาอยู่ใกล้ ๆ กลุ่มดาวพิณเล็กกระจิริดแต่โดดเด่นด้วยดาวเวกาที่สว่างไสว ทางใต้ก็มีแมงป่องโผล่แต่หางชี้ขึ้นฟ้า ถัดไปก็คนยิงธนูรูปร่างเหมือนกาน้ำชา เลยกาน้ำชาไปก็แพะทะเลที่มองยังไงก็เหมือนพายไก่รูปสามเหลี่ยม น่าเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มดาวพายไก่ ทางตะวันออกก็มีดาวพฤหัสสว่างโร่อยู่ ส่วนดาวลูกไก่เพิ่งโผล่ขึ้นมาเหนือของฟ้าแค่นิดเดียว มองแทบไม่เห็น

การทบทวนบทเรียนของผมต้องชะงักไปเมื่อมีรถเอสยูวีมาแย่งที่ลานของผมไป ผมจึงต้องลากเก้าอี้พับไปคืนที่แล้วเผ่นขึ้นไปลานกว้างบนดาดฟ้าแทน แต่บนดาดฟ้าที่น่าจะดีกลับมีแสงรบกวนจากป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ในตัวเมือง ดูไม่สนุก อีกใจหนึ่งก็ห่วงเทียนที่จุดไว้ในห้อง เกรงมันจะล้มดับไป สามทุ่มครึ่งจึงกลับเข้าห้องไป

คืนนี้ไม่มีไฟ จึงซักแห้งกันทุกคน

ดึกดื่นค่อนคืนไม่มีอะไรทำ ถ่ายรูปเทียนเล่น


18 ตุลาคม 2554


วันนี้เราต้องขึ้นไปนั่งหลังขดหลังแข็งบนรถประจำทางอีก 11 ชั่วโมงเหมือนขามา รถออกหกโมง ดีหน่อยที่ไม่ได้นั่งเบาะหลังอีก

ร้านเสี่ยวชือที่หน้าสถานีขนส่ง


ข้างทางระหว่างเดินทาง บริเวณนี้ขึ้นที่สูงมาก ลมแรง อากาศหนาว โชเฟอร์ลงไปดูเครื่องที่ขัดข้อง ขาว ๆ ที่เห็นบนพื้นนั่นคือน้ำค้างแข็ง


ถ่ายจากบนรถ ช่วงที่ผู้โดยสารคนหนึ่งขอหยุดรถลงไปอ้วก


ทุ่งนิรนาม อยู่ก่อนถึงจงเตี้ยนเพียงไม่ไกล








เรามาถึงจงเตี้ยนราวห้าโมงครึ่ง เข้าพักที่โรงแรมเดิม แล้วก็กินมื้อเย็นที่ร้านแถวปากซอยอีกเช่นเคย





เผยแพร่ : 28 พ.ย. 65 แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 66