นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

แชงกรีลา ย่าติง ลี่เจียง

17-26 ตุลาคม 2557



วัดจี๋หลิน






ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังออกมาจากหลังประตู


























รื่อหว่า




แวะกินข้าวกลางวันกันที่รื่อหว่า






อีกหนึ่งมื้ออร่อย




ยืนตากแดดแก้หนาว


เมื่อครั้งที่ผมมาย่าติงตอนปี ๕๔ นั้น แทบไม่ได้อะไรเลย ไปเจินจูไห่ก็ไปยืนตากฝน เสี่ยนไหน่รื่อก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ภูเขาหิมะเซี่ยนั่วตัวกู่ที่ลั่วหรงก็เห็นได้แค่ตีนเขา ได้แค่เดินทุ่งลั่วหรงกับชงกู่เท่านั้นเอง การมาย่าติงครั้งนี้จึงเป็นการล้างตาของผมกับมิ้น ส่วนเซงก็เคยมาเมื่อหลายปีก่อน การมาครั้งนี้ก็มาเก็บจุดหมายที่ยังไม่เคยเห็นเพิ่มเติม การที่มีคนในกลุ่มเคยเที่ยวมาก่อน ทำให้การวางแผนเที่ยวค่อนข้างจะง่ายเพราะมีภาพในหัวชัดเจนอยู่แล้ว

แผนที่วางไว้ตั้งแต่ก่อนมาก็คือ จะอยู่ในย่าติงสองวันสองคืน ครึ่งวันแรกจะไปเที่ยวเจินจูไห่กับชงกู่ วันที่สองจะแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีสาม แล้วเดินเท้าจากย่าติงชุนไปถึงลั่วหรงแล้วต่อเลยไปถึงหนิวไหน่ไห่และอู่เซ่อไห่ ขากลับกลับทางเดิม โดยอาจนั่งรถกอล์ฟทุ่นแรงในช่วงลั่วหรง-ชงกู่ ใช้เวลาทั้งวัน วันที่สองนี้นับว่าหนักมาก รวมระยะทางเดินในวันที่สองไม่ต่ำกว่า ๒๒ กิโลเลยทีเดียว เช้าวันที่สามเราจะเดินไปที่ชิงวาไห่ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดของย่าติง ไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก อยู่ไม่ไกลจากย่าติงชุน ตรงนี้คงใช้เวลาไม่นาน กลับไปถึงเต้าเฉิงก็ราวบ่าย ๆ ไปขี่จักรยานชมชานเมืองเต้าเฉิงปิดท้ายวัน

สภาพภายในศูนย์นักท่องเที่ยวที่ขายตั๋ว


สถานที่เที่ยวในย่าติง


เข้าคิวนั่งรถบัสเข้าอุทยาน


เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวจะนั่งรถจากข้างนอกไปถึงย่าติงชุนไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะขับรถหรือนั่งรถรับจ้างมา ก็จะต้องมาหยุดที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตรงปากทางเข้า ซื้อตั๋วแล้วก็นั่งรถบัสของอุทยานเข้าไป แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ลดความแออัดในอุทยาน







เสี่ยนไหน่รื่อ จากจุดชุมวิว


ย่าติงชุน มองจากจุดชมวิว








รถบัสพาเรามาส่งที่กลางย่าติงชุน เรารีบหาที่พักก่อน ที่แรกที่เข้ามาติดต่อคือที่โฮสเทลเดิมที่เคยมาพักเมื่อคราวก่อน แต่ห้องพักไม่พอ จึงต้องหาที่พักอื่น เกสต์เฮาส์ในย่าติงชุนมีหลายแห่ง แต่เกือบทุกที่ล้วนไม่มีที่ว่าง หรือไม่ก็ไม่พอสำหรับ ๑๔ คน บางแห่งก็ไม่มีห้องน้ำ แห่งหนึ่งไปดูมีเพียงส้วมหลุมแบบกระดานพาดมีผนังขัดแตะหยาบ ๆ ตั้งอยู่นอกบ้านริมแปลงผัก ส้วมแบบนี้ใครจะไปขี้ออก ก็ต้องผ่านไป วันนี้มีนักท่องเที่ยวมากจนอุทยานแทบแตก แต่ละแห่งที่เราเข้าไปคุย เราไม่ได้คุยกับเจ้าของบ้านโดยตรง แต่มีเด็กวัยรุ่นท่าทางคล่องแคล่วคนนึงเป็นคนวิ่งหาเจรจาให้ พูดจาสำเนียงภาคกลาง คงเป็นนักเรียนมารับงานนายหน้ากินเปอร์เซ็นต์

ยูทโฮสเทลที่เคยพัก แต่ไม่ได้พัก


ฝ่ายเจรจา


ฝ่ายให้กำลังใจ ดูเหมือนป้าอ้อยอยากจะแยกตัวไปขึ้นเอเวอร์เรสต์




วิธีเก็บเนื้อของคนแถวนี้ ถ่ายจากเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งที่เข้ามาดู แต่ไม่ได้พัก


การหาที่พักที่น่าจะเป็นเรื่องง่ายในย่าติง กลับกลายเป็นเรื่องยาก เวลายิ่งผ่านไปก็ยิ่งเครียด เพราะรถบัสก็นำนักท่องเที่ยวมาเติมในย่าติงชุนรอบแล้วรอบเล่า โอกาสหาได้ที่พักยิ่งน้อยขึ้นเรื่อย ๆ เซงกับเท้งแยกกันเดินหาเพื่อเพิ่มโอกาส ในที่สุดก็มีที่หนึ่งที่ดูจะเข้าท่า ที่นอนพอจำนวนคน อยู่ติดถนน เท้งถามถึงคำถามสำคัญ มีส้วมไหม? เขาก็ว่ามีสิ อยู่ข้างหน้าไง พอรู้ว่ามีที่นอนที่ขี้ให้ก็ตกลงเอาเลย ผมรีบวิ่งไปแจ้งพรรคพวกที่รออยู่ให้หอบสัมภาระตามมา ระหว่างวิ่งผ่านลานหน้าเกสต์เฮาส์ก็หันมองอยู่ว่ามันอยู่ไหนนะห้องส้วมที่ว่า ก็มองไม่เห็นอะไรที่ดูเหมือนส้วม นึกในใจว่าส้วมอาจอยู่ในเรือนก็ได้ เขาว่ามีก็ต้องมีสิ

เป็นอันได้ที่ซุกหัวนอนกันเสียที โรงแรมนี้ชื่อโรงแรมอาชง ที่นอนเป็นห้องรวมขนาดใหญ่ ห้องเป็นทรงยาว สองข้างวางเบาะเรียงกันให้นอนหันหัวเข้าผนังหันเท้าเข้าหากัน จุคนนอนได้ราว ๕๐ คน ตอนนี้ยังไม่มีใครมาพักนอกจากพวกเรา แต่เดี๋ยวก็คงมี ค่าที่พักแพงไม่ใช่เล่น ตอนแรกเขาคิดคนละ ๑๐๐ หยวน แต่เท้งต่อรองมาได้จนเหลือ ๘๐ หยวน ฝีมือมาก

เท้งแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไอ้ที่ว่าส้วมอยู่ข้างหน้าโรงแรมน่ะ ความจริงเขาหมายถึง ให้ขี้เยี่ยวหน้าโรงแรม นั่นแปลว่าไม่มีส้วม ปล่อยที่ลานหน้าโรงแรมตามอัธยาศัยเลย สนุกละเว่ย จะย้ายไปไหนก็คงไม่ได้แล้ว เอาน่ะ นึกเสียว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต







ยังไม่ได้ออกเดินเลยนะ








หลังจากจัดแจงเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินกัน มิ้น ติ๋ว และผม ออกเดินนำไปก่อน มุ่งหน้าไปยังหลงถงป้าเพื่อไปชงกู่กันตามที่วางแผนไว้ แต่เดินได้ไม่ทันไรพรรคพวกข้างหลังก็ตะโกนเรียกให้กลับขึ้นไปก่อน น่าหัวเสียไม่ใช่เล่น เพราะต้องเดินไต่เนินกลับขึ้นมา ถ้าเรียกด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องละจะด่าให้เปิงเลย

เหตุที่เรียกกลับมาก่อนก็คือ เซงสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งขี่ล่อเดินแยกไปยังทางเดินเล็ก ๆ ข้างโรงแรม สอบถามได้ความว่าเขาไปชิงวาไห่กัน จึงเกิดเปลี่ยนใจ อยากจะไปชิงวาไห่กันก่อนเลย ส่วนชงกู่กับเจินจู่ไห่ไปเก็บเอาวันที่สามแทน ผมก็ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน แต่ไปก็ไป เราเดินเท้าเอา ไม่นั่งล่อให้เสียฟอร์ม แต่ยังต้องจ้างชาวบ้านคนนึงนำทางให้

กลุ่มคนนั่งล่อที่เป็นที่มาของการเปลี่ยนแผนกระทันหัน






มุ่งหน้าสู่ชิงวาไห่




เผยแพร่ : 16 พ.ย. 64 แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 65