นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

ล่องทะเลทรายโกบี คารวะจิ๋นซีที่ซีอาน เบิกบานใจเอ๋อจีน่า ลั้นลาฮั่วซาน

7-16 ตุลาคม 2556



15 ตุลาคม 2556 (ต่อ)


























เราเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยจนถึงทางขึ้นกำแพงเมือง จู่ ๆ เกิดเสียดายค่าตั๋วที่เก็บตั้งคนละห้าสิบกว่าหยวนขึ้นมา แหงนมองขึ้นไปก็ไม่น่าจะมีอะไรดี คุ้มหรือเปล่าก็ไม่รู้ แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นขึ้นไปเลย ว่าแล้วก็ตัดสินใจไม่ขึ้น เดินเตร่ข้างล่างต่อไปน่าจะเจริญใจกว่า













ทุเรียนจากไทยก็มีขาย


เราเดินช็อปด้วยสายตามาตลอดวัน เดินตัวปลิวมาตลอด เริ่มจะมีของติดมือเป็นผลไม้เอาในช่วงขาเดินกลับโรงแรมนี่เอง

ขากลับผ่านซินหัวซูเตี้ยน จึงขอแวะสักหน่อย ผมอยากหาดูหนังสือเกี่ยวกับดาวสำหรับเด็ก เผื่อจะกระตุ้นความอยากรื้อฟื้นภาษาให้ตัวเองบ้าง แต่ก็ไม่มี ถามหาแผนที่ดาวในแผนกหนังสือวิทยาศาสตร์ คนขายก็ชี้ไปที่แผนกแผนที่ท่องเที่ยวเฉยเลย สงสัยสื่อกันไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นไร ไม่เอาก็ได้ สุดท้ายแล้วที่ร้านหนังสือนี้ผมได้หนังสือหัดอ่านสองภาษามาเล่มนึง ชื่อ Henry VIII and His Six Wives ราคาแค่ห้าหยวน เท้งหอบหนังสือเล่มโตมาสามสี่เล่มราวกับจะไปอ่านสอบเข้าที่ไหน เห็นว่าจะเอาไปฝากพ่อ ส่วนมิ้นได้หนังสือการ์ตูนฝรั่งมาเล่มนึง ไม่มีอักษรจีนสักตัว











ถังหลูหู ของดีอีกชนิดหนึ่งของจีน




มื้อเย็นวันนี้เรามากินกันที่ร้านซอยริมทางแห่งหนึ่ง เป็นร้านหม้อไฟเหมือนกัน แต่วิธีสั่งต่างจากที่เคยกินมา แทนที่จะสั่งผักสั่งปลามาลงหม้อแล้วใส่เครื่องปรุงเอาเอง แบบเดียวกับสุกี้ที่คุ้นเคย ที่นี่กลับให้กาละมังมาสองใบ แล้วให้ไปตักผักตักเนื้อเอาเองที่ตู้เย็น ตักจนพอใจแล้วก็ไปให้เขาคิดเงิน ซึ่งเขาจะคิดตามน้ำหนัก หลังจากนั้นเขาก็ของในเอากาละมังนั้นไปลงหม้อปรุงให้ เสร็จแล้วค่อยยกไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เอ้อ มื้อนี้น่าสนุก เรื่องนี้ปล่อยให้สาว ๆ เขาสำแดงฝีมือก็แล้วกัน



ปรุงเสร็จ ก็ยกมาเป็นกาละมังแบบนี้


ความสนุกหมดลงหลังจากที่คีบเข้าปากไปได้สองสามคำ เพราะซุปเค็มมาก ส่วนประกอบที่เป็นลูกชิ้น ไส้กรอก และเกี๊ยวทั้งหลายล้วนแต่รสชาติไม่ได้ความ แป้งเสียเกือบทั้งหมด มีเพียงผักเท่านั้นที่พอกินได้ มื้อนี้ผักจึงหมดก่อนเพื่อน ที่เหลือต้องฝืนกิน













ช่วงเย็นเรากลับมาพักที่ห้องราวชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนออกไปเดินที่ซอยหุยหมินเจียต่ออีกรอบนึง รอบนี้คุ้ง พี่เบิ้มและพี่ตื้ดไม่ได้ออกมาด้วย แต่ก็ให้ข้อมูลเรื่องตำแหน่งร้านขายพุทราอร่อย และซอยตลาดร้อยปีซึ่งเป็นดงขายของที่ระลึกเอาไว้ให้

รอบนี้เราตั้งใจจะเดินกระหน่ำยันซอยปิดเลยทีเดียว เรานัดกันไว้ว่าจะมาเจอกันที่ปากซอยตรงข้างหอกู่โหลวตอนสี่ทุ่มครึ่ง ถ้าพลัดหลงกันยังไงก็ให้มาเจอกันที่นี่ ว่าแล้วก็ลุย















พุทราจีนร้านท้ายซอย หิ้วกันคนละกล่องสองกล่อง เหมากันจนหมดแผงเลยทีเดียว


เซาเข่าไม้แรกของคืนนี้ ที่ผมลงมาคืนนี้ก็เพื่อสิ่งนี้






คืนนี้นักท่องเที่ยวมีมาก เดินกันให้ควั่ก ร้านรวงก็มีมาก น่าแวะไปหมด หากเดินเกาะกลุ่มกันไม่ดีก็พลัดกันได้ง่าย ๆ หลังจากซื้อพุทราแล้วเราก็เลี้ยวไปอีกซอยนึงเพื่อไปต่อยังตลาดร้อยปีที่ขายของฝาก ถึงช่วงนี้กลุ่มก็เริ่มกระจาย เซง หลุดวงโคจรไปไหนก็ไม่รู้ ตามด้วยเท้งและป้าอ้อยในเวลาไล่เลี่ยกัน ตอนนี้ผมชักกังวลแล้ว ไม่ได้กังวลเรื่องพลัดหลง เพราะเรารู้จุดและเวลานัดพบกันดี แต่ที่กังวลก็คือ เซงกับเท้ง คือสองคนที่รู้ภาษาจีน พูดได้คล่อง ที่ผ่านมาการซื้อการต่อรองราคาต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของสองคนนี้ทั้งสิ้น ตอนนี้ในกลุ่มเหลือแค่มิ้น ไก่ จิ ติ๋ว และผมเท่านั้น หมายความว่านี่ผมต้องนำช็อปเหรอเนี่ย ภาษาจีนของผมรู้แค่นับเลข จะไปนำใครเขาได้เล่า

เอาน่ะ ทำเงียบ ๆ ไว้ก่อน ขืนออกอาการไปตอนนี้เดี๋ยวลูกทีมจะเสียขวัญ

เราเดินมาได้อีกไม่นาน ก็พบร้านเซาเข่ายอง ๆ เหลาอีกร้านนึง ของย่างหลากหลาย เห็นแล้วน้ำลายสอกันไปตาม ๆ กัน สั่งแทบจะทุกอย่างที่เขามีขาย ทั้งเนื้อแพะเนื้อวัว ต้นหอมทอด เห็ด ปลาหมึก ฯลฯ อยากกินจนลืมไปเลยว่าพูดไม่เป็น ทั้งภาษาจีนภาษามือ งัดมาใช้หมด

ร้านเซาเข่าที่แวะกินคืนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านแบบนี้เขาเรียกว่าเซาเข่าจริงหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้มีแค่เตาปิ้งอย่างเท่านั้น ยังมีกระทะเล็ก ๆ สำหรับทอด มีถาดสำหรับคลุกเครื่องปรุงคล้ายกับทำลาบ อย่างต้นหอมนั่นเขาก็ไม่ได้เสียบไม้ปิ้งอย่างที่เคยเห็นที่อื่น แต่เอามาคลุกแล้วลงกระทะทอด อย่างไรก็แล้วแต่ รสชาติและอารมณ์ของอาหารที่ออกมาก็จัดจ้านถูกปากตามแบบฉบับของเซาเข่า


กินกันได้สักพักใหญ่ เท้งกับป้าอ้อยก็ตามมาเจอและมาสมทบ พอคนเพิ่ม ก็ต้องสั่งของเพิ่ม ทีนี้ล่ะนั่งยาวเลย กว่าจะเลิกวงก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่า ตลาดร้อยปงร้อยปีอะไรที่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เขาทยอยปิดร้านกันจนหมดแล้ว ป่านนี้เซงคงรอแย่แล้ว เรารีบเดินไปที่จุดนัดพบ ไม่แวะที่ไหนอีกถ้าของไม่น่าดูจริง



แต่เมื่อมาถึงจุดนัดพบกลับไม่เจอเซง เราเข้าใจว่าเซงคงจะเดินเข้าซอยไปตามหา ผมกับมิ้นจึงสลับกันไปตามหาทั้งในซอยและบริเวณใกล้เคียง ฝ่ายสาว ๆ ก็กระวนกระวายใจไม่น้อยไปกว่ากัน จนต้องดับกังวลด้วยการไปดูเสื้อผ้าดูกระเป๋าที่ร้านข้าง ๆ ระหว่างรอ

จนถึงเวลาเกินห้าทุ่มครึ่งก็ยังไม่เจอเซง เราเดาว่าเซงคงกลับไปที่โรงแรมแล้ว จึงพากันกลับไป พอกลับไปถึงโรงแรมก็พบว่าเซงกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย ยืนเช็คเน็ตอยู่ที่ชั้นล่าง จิบเบียร์ไปพลางบ่นพึมพำไปพลาง

เผยแพร่ : 13 พ.ย. 56 แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 64