บันทึกของนายวิมุติ
ล่องทะเลทรายโกบี คารวะจิ๋นซีที่ซีอาน เบิกบานใจเอ๋อจีน่า ลั้นลาฮั่วซาน
7-16 ตุลาคม 2556
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
12
ตุลาคม
2556
วันนี้เราต้องตื่นแต่เช้ามืด
นัดเจ้าของโรงแรมให้ไปส่งที่จูหยันไห่
ใส่เสื้อหนาวเต็มอัตรา
ระหว่างทางสังเกตว่า
เช้านี้มีพายุทรายพาดผ่านเส้นทาง
คาดว่าคงพัดมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ได้ยินเสียงลมและใบไม้ไหวเล็ดลอดเข้ามา
การเดินทางเช้ามืดวันนี้จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
เพราะทัศนวิสัยไม่ดี
คนขับบอกว่า
พวกเราโชคดีแล้วที่ไปป่าป็อปลาร์มาแล้วเมื่อวาน
เพราะป่าป็อปลาร์เจอพายุแบบนี้อาจทิ้งใบโกร๋นหมดก็ได้
โชคดีที่เมื่อไปถึงทะเลสาบจูหยันไห่
ไม่มีพายุทรายแล้ว
แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจ
มีเมฆกระจายทั่วท้องฟ้า
นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนเดินกันยั้วเยี้ยไปหมด
สภาพที่นี่เป็นทะเลสาบกว้าง
ริมทะเลสาบมีกอกกขึ้นแน่นหนาโดยรอบ
นกนางนวลนับร้อยบินโฉบไปมา
ผมเพิ่งมานึกถึงคำพูดเซงที่บอกก่อนเดินทางมาว่า
ทริปนี้มีนกดีให้ดูนะ
คงหมายถึงที่นี่นั่นเอง
ลืมเสียสนิทเลย
จูหยันไห่
เป็นทะเลสาบกลางทะเลทรายโกบี
อยู่ทางตอนเหนือของเขตเอ๋อจีน่า
เกือบถึงชายแดนจีน-มองโกเลีย
มีสองส่วนไม่ต่อเนื่องกัน
คือตะวันตกและตะวันออก
ฝั่งที่เรามานี้คือทะเลสาบตะวันออก
มีพื้นที่
37
ตารางกิโลเมตร
ส่วนทะเลสาบตะวันตกเราไม่ได้ไป
ที่นั่นมีพื้นที่ใหญ่กว่ามาก
เมื่อลงจากรถเราก็แยกวงอีกครั้ง
ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องกว่าก็คือ
ผมแยกวงออกมา
คนอื่นไปหามุมถ่ายรูปที่ไหนไม่รู้เขา
แต่ผมไปถ่ายนกนางนวล
แม้ครั้งนี้จะไม่ได้แบกลูกรัก
400
มิลมาด้วยก็ไม่มีปัญหา
ถ่ายนกนางนวลใช้
70-200
ที่พกมาก็พอเหลือ
ๆ
นอกจากนกนางนวลขอบปีกขาวแล้ว
ยังมีนกยาง
นกคู้ต
และเป็ดอะไรก็ไม่รู้
ดูไม่ออก
ตัวนี้นางนวลอะไรหว่า
สุดท้ายแล้ว
วันนี้ก็ไม่มีใครได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น
เมฆบังขอบฟ้าเสียหมด
นักท่องเที่ยวจีนทยอยกันกลับด้วยความผิดหวัง
ห้าสาวทีมเราไม่ได้แสดงความผิดหวังอะไร
เพราะเขามาถ่ายคนอย่างเดียว
ไม่สนใจดวงอาทิตย์
ส่วนไอ้คนที่ดูเหมือนจะอิ่มเอมกว่าเขาเพื่อนในเช้านี้ก็ผมนี่แหละ
ถ่ายนกแบบรัวกระหน่ำไปถึงราวห้าร้อยภาพ
สบายใจ
เป็นครั้งแรกที่เห็นซันด็อก
ภาพนี้ถ่ายที่ลานจอดรถข้างทะเลสาบ
ระหว่างทางออกจากทะเลสาบก็เจอพายุทรายอีก
ภารกิจเช้านี้หมดแล้ว
รายการต่อไปจะเริ่มกันตอนบ่ายแก่
ๆ
ดังนั้นช่วงนี้จึงกลับเมืองไปพักผ่อนกันก่อน
แล้วบ่ายค่อยออกไปเที่ยวภาคบ่ายกัน
แต่รถก็ไม่ได้พาเรามุ่งเข้าเมือง
กลับพาอ้อมไปไปแวะอีกที่หนึ่ง
ป่าป็อปลาร์เล็ก
ๆ
แต่มีต้นป็อปลาร์ที่ไม่เล็กอยู่
เขาว่าเป็นป็อปลาร์ยักษ์
เราลงจากรถมาดู
ๆ
ภายนอกแล้วไม่ค่อยศรัทธาเท่าไหร่
ใบไม้ยังเป็นสีเขียว
ๆ
อยู่เลย
มีเหลืองแค่นิดหน่อยเท่านั้น
เพื่อความไม่สิ้นเปลือง
ผมจึงได้รับมอบหมายให้เข้าไปชิมดูก่อน
ถ้าดีค่อยออกมาบอก
ถ้าไม่ดีก็จะได้ไม่ต้องเสียตังฟรี
จริง
ๆ
ค่าเข้าชมก็ไม่ได้แพงอะไร
แค่สิบหยวน
เช้านี้ฝุ่นยังเป็นปัญหาใหญ่
ลมหอบเข้ามาเป็นระยะ
ต้องปิดกล้องกันพัลวัน
ป็อปลาร์ยักษ์
ใหญ่จริง
แต่งั้น
ๆ
ผมใช้เวลาเดินอยู่ไม่นานก็ออกมา
พร้อมกับคำตอบสั้น
ๆ
"ไม่สวย"
แล้วเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อ
เส้นทางเข้าเมืองช่วงต่อมามีทิวทัศน์สวยงาม
มีป็อปลาร์ขึ้นอยู่กระจัดกระจาย
ส่วนใหญ่ก็เป็นที่รกร้างไม่ได้พัฒนา
บางจุดที่ดูดีหน่อยก็จะมีคนจับจอง
ล้อมรั้ว
สร้างที่พัก
เรียกว่าป็อปลาร์เป็นโอท็อปของเอ๋อจีน่าจริง
ๆ
บางจุดสวยหน่อยเราก็ขอให้โชเฟอร์หยุดรถไปถ่ายรูปเล่นข้างถนนกันสักพัก
เสร็จแล้วก็ขึ้นรถต่อ
วิ่ง
ๆ
หยุด
ๆ
เรื่อยไป
ไม่รีบร้อน
แต่แล้วเราก็ต้องสะดุดกับ
"ป่าข้างทาง"
แห่งหนึ่ง
ที่มีต้นป็อปลาร์อ้วนใหญ่สมบูรณ์
พื้นล่างเรียบไม่รกตา
มีใบป็อปลาร์เกลื่อนกลาดอยู่ทั่วไป
ป่านี้สวยเกินกว่าจะดูเพียงผ่าน
ๆ
แต่ปัญหาคือป่านี้ล้อมรั้วลวดหนาม
นั่นไม่เป็นปัญหา
รั้วมีช่วงโหว่อยู่ช่องหนึ่ง
เรามุดช่องนั้นเข้าไป
แม้โชเฟอร์รถจะไม่ค่อยสบายใจนักก็ตาม
เพราะการที่สถานที่ล้อมรั้วแสดงว่ามีเจ้าของ
มุดเข้าไปโดยพลการแบบนั้น
เดี๋ยวเจ้าของมาเห็นเข้าจะไม่ดี
ในใจเรานั้น
ถ้าจะมีใครมาเก็บตังเข้าก็ยอมล่ะนะ
แต่ตอนนั้นเราไม่เห็นประตูทางเข้า
ไม่เห็นมีคนเก็บตัง
งั้นก็ขอมุดละกันนะ
รับปากกับโชเฟอร์ว่าจะเข้าไปแป๊บเดียว
ติ๋ว
นางแบบคืออาชีพหลัก
พยาบาลคืองานอดิเรก
จัดฉากกันเข้าไป
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
เผยแพร่ : 13 พ.ย. 56 แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 64